Category: Uncategorized

โครงสร้างงาน HR สำหรับองค์กรยุค Remote Work

โครงสร้างงาน HR (Human Resources) สำหรับองค์กรในยุค Remote Work ควรมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ทำงานจากที่บ้านหรือจากสถานที่ที่ไม่ใช่สำนักงานหลัก เนื่องจากลักษณะงานที่เปลี่ยนแปลงไปและการเชื่อมต่อที่เป็นดิจิทัล โครงสร้างงาน HR จึงต้องรองรับความยืดหยุ่นและการทำงานที่กระจายอยู่ทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1. ฝ่ายการสรรหาพนักงาน (Recruitment) ในยุค Remote Work การสรรหาพนักงานจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการให้เหมาะสมกับการทำงานจากที่บ้าน: ตัวอย่าง: บริษัทที่มุ่งเน้นการทำงานแบบ Remote ใช้ระบบ ATS (Applicant Tracking System) เพื่อติดตามและคัดกรองผู้สมัครที่เหมาะสมจากทั่วโลก ผ่านการสัมภาษณ์ออนไลน์และการทดสอบทักษะจากระยะไกล 2. ฝ่ายพัฒนาและฝึกอบรม (Learning & Development) การฝึกอบรมพนักงานในยุค Remote Work ต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถทำได้ออนไลน์: ตัวอย่าง: บริษัทเทคโนโลยีที่มีพนักงานกระจายตัวทั่วโลกใช้แพลตฟอร์ม

Read More

แผนผังองค์กรฝ่ายบุคคล ที่มีประสิทธิภาพควรมีลักษณะอย่างไร

แผนผังองค์กรฝ่ายบุคคล ที่มีประสิทธิภาพควรมีลักษณะที่สะท้อนถึงการจัดการทรัพยากรมนุษย์อย่างมีระบบ ซึ่งสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิผล โดยมีโครงสร้างและการทำงานที่ชัดเจน และเหมาะสมกับขนาดและลักษณะขององค์กร ดังนี้ 1. ลำดับชั้นและการแบ่งหน้าที่ที่ชัดเจน แผนผังองค์กรฝ่ายบุคคลควรมีลำดับชั้นและการแบ่งหน้าที่ที่ชัดเจน เพื่อให้แต่ละตำแหน่งในฝ่ายบุคคลรับผิดชอบงานที่เฉพาะเจาะจง โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ระดับหลัก คือ 2. การแบ่งประเภทของงานในฝ่ายบุคคล แผนผังฝ่ายบุคคลควรสะท้อนถึงงานที่จัดการในแต่ละด้าน โดยสามารถแบ่งได้ตามฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น 3. การใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุน ในยุคปัจจุบัน ฝ่ายบุคคลต้องมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การใช้ระบบข้อมูลบุคคล (HRIS) ในการจัดเก็บข้อมูลพนักงาน, การจัดการการฝึกอบรมออนไลน์, การใช้โปรแกรมประเมินผลการทำงาน และการใช้แพลตฟอร์มในการสรรหาบุคลากร 4. การทำงานร่วมกันในทีม แผนผังฝ่ายบุคคลที่มีประสิทธิภาพควรส่งเสริมการทำงานเป็นทีมที่มีการประสานงานอย่างดีระหว่างสมาชิกในฝ่ายต่าง ๆ เช่น การทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายสรรหากับฝ่ายฝึกอบรม, หรือฝ่ายการประเมินผลที่ต้องประสานกับฝ่ายบริหารค่าตอบแทน เพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละกระบวนการทำงานมีความเชื่อมโยงกันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน 5.

Read More

บทบาท HRBP (HR Business Partner) ในโครงสร้าง HR สมัยใหม่

บทบาทของ HRBP (HR Business Partner) ในโครงสร้าง HR สมัยใหม่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปตามยุคสมัยที่องค์กรต้องการตอบสนองความท้าทายใหม่ ๆ ของธุรกิจที่มุ่งเน้นความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในบทบาทนี้ HRBP จะมีหน้าที่ที่หลากหลายมากขึ้น โดยไม่เพียงแค่เป็นผู้ดูแลและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับนโยบาย HR แต่ยังต้องร่วมมือกับฝ่ายต่าง ๆ เพื่อช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ 1. การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ HRBP ไม่ใช่แค่ผู้ที่ดูแลทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร แต่ยังต้องทำงานร่วมกับผู้บริหารหรือผู้จัดการในระดับต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าแผนงานด้านทรัพยากรมนุษย์สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร โดยการเชื่อมโยงระหว่างการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์และกลยุทธ์ทางธุรกิจ HRBP จะต้องเข้าใจถึงทิศทางและความต้องการของธุรกิจในแต่ละช่วงเวลา เพื่อช่วยในการพัฒนาและปรับปรุงแผนงานด้านบุคลากร 2. การให้คำปรึกษาในด้านการบริหารคน HRBP จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหลักในการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร เช่น การพัฒนาผู้นำ การสร้างวัฒนธรรมองค์กร

Read More

ฝ่ายบุคคลมีกี่ส่วน เจาะลึกโครงสร้างงาน HR แบบครบวงจร

โครงสร้าง HR แบบครบวงจร เจาะลึกฝ่ายบุคคล ฝ่ายบุคคลหรือ Human Resources (HR) เจาะลึกโครงสร้างงาน HR แบบครบวงจร มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลในองค์กร ซึ่งรวมถึงการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีคุณภาพ การพัฒนาทักษะ และการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีในองค์กร โครงสร้างของฝ่ายบุคคลมักแบ่งออกเป็นหลายๆ ส่วน เพื่อให้ครอบคลุมการทำงานที่หลากหลาย โครงสร้างงาน เจาะลึกโครงสร้างงาน HR แบบครบวงจร ฝ่ายบุคคลในองค์กรสมัยใหม่มักแบ่งออกเป็น 6 ส่วนหลักๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบเพื่อให้การจัดการทรัพยากรบุคคลมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการขององค์กรและพนักงานได้ดีที่สุด โครงสร้างงาน HR แบบครบวงจร ซึ่งประกอบด้วย: 1. การสรรหาบุคลากร (Recruitment) การสรรหาบุคลากรเป็นหนึ่งในหน้าที่หลักของฝ่ายบุคคลที่ช่วยให้บริษัทมีทีมงานที่มีทักษะและความสามารถที่เหมาะสมกับองค์กร โดยการสรรหาจะประกอบไปด้วยกระบวนการต่างๆ เช่น การประกาศรับสมัครงาน การคัดกรองใบสมัคร การสัมภาษณ์ และการเลือกสรรผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุด

Read More

โครงสร้างงาน HR สมัยใหม่ การปรับตัวในยุคดิจิทัล

การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของธุรกิจ รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (HR) โครงสร้างงาน HR สมัยใหม่ การปรับตัวในยุคดิจิทัล ที่ต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ การใช้เทคโนโลยีในการจัดการงาน HR ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้กระบวนการต่างๆ ในการบริหารจัดการพนักงานเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีข้อมูลรองรับการตัดสินใจที่มีความแม่นยำ การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างงาน HR การปรับตัวในยุคดิจิทัล 1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง HR ในยุคดิจิทัล การปรับโครงสร้างงาน HR ในยุคดิจิทัลมักจะมุ่งเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ โดยการใช้ซอฟต์แวร์และเครื่องมือที่ช่วยในการรวบรวมข้อมูล ประมวลผล และจัดการงาน HR ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น องค์กรบางแห่งอาจมีการปรับโครงสร้างเพื่อให้มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น HR Analytics, Talent Acquisition, Learning & Development และ Employee Engagement

Read More

การใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (HR) เครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่ควรรู้

การใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (HR) เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้นในยุคดิจิทัลปัจจุบัน ซึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยในด้านนี้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการจัดการพนักงาน ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และช่วยในการตัดสินใจที่ดียิ่งขึ้น โดยรวมแล้ว เครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจัดการ HR มีหลายประเภทที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร ดังนี้ 1. ระบบบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ (HRMS – Human Resource Management System) ระบบ HRMS หรือ HRIS (Human Resource Information System) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลของพนักงานในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลเงินเดือน ประวัติการทำงาน หรือผลการประเมินต่าง ๆ โดยระบบนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถจัดเก็บข้อมูลพนักงานและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง 2. ระบบการจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการ (Payroll Management System)

Read More

“การพัฒนาทักษะการสื่อสาร” ที่มีประสิทธิภาพเพื่อการสื่อสารกับพนักงานและผู้บริหาร

การพัฒนาทักษะการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในทุกองค์กร เพราะการสื่อสารที่ดีสามารถเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างพนักงานและผู้บริหาร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี ต่อไปนี้เป็นวิธีการพัฒนาทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเพื่อการสื่อสารกับพนักงานและผู้บริหาร โดยแยกเป็นขั้นตอนและตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น 1. การฟังอย่างมีประสิทธิภาพ (Active Listening) การฟังเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการสื่อสาร โดยเฉพาะในการสื่อสารกับพนักงานและผู้บริหาร การฟังไม่ใช่แค่การรับข้อมูลจากผู้พูด แต่ต้องสามารถแสดงออกถึงความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในการสนทนา วิธีพัฒนา ตัวอย่าง เมื่อผู้บริหารกำลังฟังข้อเสนอจากพนักงาน การใช้ภาษากายที่เปิดกว้าง เช่น พยักหน้า หรือลงไปสอบถามเพิ่มเติม จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าความคิดเห็นของเขามีความสำคัญ 2. การใช้ภาษาที่ชัดเจนและกระชับ (Clear and Concise Communication) การสื่อสารกับพนักงานและผู้บริหารจำเป็นต้องมีความชัดเจนและตรงประเด็น ไม่ให้ข้อมูลหรือคำพูดสับสน ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนเข้าใจสิ่งที่ต้องทำหรือการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น วิธีพัฒนา ตัวอย่าง เมื่อผู้บริหารต้องการประกาศนโยบายใหม่เกี่ยวกับการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ควรสื่อสารให้ชัดเจนว่า “นโยบายนี้เริ่มใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่

Read More

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง คำแนะนำสำหรับ HR มือใหม่

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับ HR มือใหม่ที่ต้องการสร้างและรักษาวัฒนธรรมองค์กรที่ดีและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำที่ช่วยในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง 1. เข้าใจวิสัยทัศน์และค่านิยมขององค์กร ก่อนที่จะสร้างหรือพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร HR ต้องเข้าใจและคำนึงถึงวิสัยทัศน์, พันธกิจ (Mission), และค่านิยม (Values) ขององค์กรเป็นอย่างดี เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นรากฐานที่ช่วยกำหนดทิศทางของวัฒนธรรมในองค์กรทั้งหมด ตัวอย่าง: หากองค์กรมีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม HR อาจสร้างวัฒนธรรมที่เน้นการเปิดรับความคิดใหม่ๆ และการทดลอง โดยให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นและนวัตกรรม 2. การสื่อสารและการมีส่วนร่วม การสื่อสารที่ดีและการมีส่วนร่วมจากทุกระดับในองค์กรมีความสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง HR ควรเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางวัฒนธรรมองค์กร โดยการฟังความคิดเห็นจากพนักงานทุกคนและสร้างช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เช่น การประชุมกลุ่ม, แบบสำรวจ, หรือการสัมภาษณ์ ตัวอย่าง: บริษัทอาจจัดเวิร์กช็อปหรือสัมมนาเกี่ยวกับค่านิยมขององค์กร โดยให้พนักงานทุกระดับร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าที่ควรจะสะท้อนในองค์กร 3. การพัฒนาผู้นำองค์กร ผู้นำขององค์กรมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างและรักษาวัฒนธรรมองค์กร ผู้นำต้องแสดงออกถึงค่านิยมและหลักการขององค์กรผ่านการกระทำและการตัดสินใจต่างๆ

Read More

แนวทางการจัดการความขัดแย้งในที่ทำงานสำหรับ HR มือใหม่

แนวทางการจัดการความขัดแย้ง ในที่ทำงานถือเป็นทักษะสำคัญที่ผู้ที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) จะต้องมี โดยเฉพาะ HR มือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ในการจัดการสถานการณ์เช่นนี้ การจัดการความขัดแย้งไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นมิตรและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน ดังนั้น HR มือใหม่ควรจะมีแนวทางในการจัดการที่ชัดเจน ซึ่งประกอบไปด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ “แนวทางการจัดการความขัดแย้ง”ในที่ทำงาน 1. เข้าใจแหล่งที่มาของความขัดแย้ง ก่อนที่จะจัดการความขัดแย้ง HR ต้องเข้าใจสาเหตุของปัญหาก่อน ว่ามาจากอะไร เช่น การสื่อสารที่ไม่ชัดเจน, ความแตกต่างของความคิดเห็น, หรือการขาดการยอมรับในความหลากหลายของบุคลิกภาพในทีม ตัวอย่างเช่น: การเข้าใจแหล่งที่มาจะช่วยให้ HR สามารถเลือกวิธีการจัดการได้อย่างเหมาะสม 2. ฟังทั้งสองฝ่าย การฟังเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการความขัดแย้ง เพราะทำให้แต่ละฝ่ายรู้สึกว่าได้รับการให้ความสำคัญและเข้าใจในปัญหาของตน HR ควรทำการสัมภาษณ์ทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ตัวอย่างเช่น: 3. การประเมินและวิเคราะห์ปัญหา หลังจากฟังข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย HR

Read More

การจัดการเอกสารและข้อมูลพนักงาน แนวทางปฏิบัติสามารถทำได้อย่างไร

การจัดการเอกสารและข้อมูลพนักงาน ในองค์กรเป็นกระบวนการที่ต้องมีการควบคุมอย่างรอบคอบเพื่อให้ข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ ปลอดภัย และสามารถเข้าถึงได้ง่ายตามความจำเป็น แนวทางปฏิบัติในการจัดการเอกสารและข้อมูลพนักงานสามารถแบ่งเป็นหลายๆ ขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดเก็บและจัดการข้อมูล นี่คือลักษณะการปฏิบัติที่สามารถทำได้พร้อมตัวอย่าง: 1. การกำหนดประเภทของเอกสารและข้อมูลพนักงาน เริ่มต้นด้วยการกำหนดประเภทของเอกสารและข้อมูลที่ต้องจัดเก็บ โดยประเภทข้อมูลเหล่านี้ต้องมีความชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อการจัดระเบียบและการเรียกค้นในอนาคต ตัวอย่าง 2. การใช้ระบบดิจิทัลในการจัดเก็บ (Document Management System) การจัดเก็บเอกสารในระบบดิจิทัลจะช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยสามารถใช้ Document Management System (DMS) หรือ Enterprise Resource Planning (ERP) เพื่อจัดการเอกสารและข้อมูลพนักงานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่าง 3. การตั้งชื่อและการจัดหมวดหมู่เอกสาร การตั้งชื่อไฟล์และการจัดระเบียบโฟลเดอร์เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้สามารถเข้าถึงเอกสารได้ง่ายและรวดเร็ว การตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ควรมีรูปแบบที่ชัดเจนและสอดคล้องกัน ตัวอย่าง 4. การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล (Access Control)

Read More