การตั้งเป้าหมายและแผนพัฒนาฝ่ายขายกับการประเมิน360 ในฝ่ายขายเป็นกระบวนการที่สำคัญในการส่งเสริมการเติบโตและประสิทธิภาพของทีมขายในองค์กร โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมโยงกับ การประเมิน 360 องศา ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการให้ฟีดแบ็คจากหลายมุมมอง การนำข้อมูลจากการประเมิน 360 องศามาใช้ในการตั้งเป้าหมายและแผนพัฒนา จะช่วยให้พนักงานมีข้อมูลที่สมบูรณ์และสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมีทิศทางที่ชัดเจน
1. วิเคราะห์ผลการประเมิน
- ระบุจุดแข็งและจุดอ่อน ใช้ข้อมูลจากการประเมินเพื่อระบุว่าพนักงานมีทักษะใดที่โดดเด่นและทักษะใดที่ต้องการการพัฒนา
- จัดลำดับความสำคัญ วิเคราะห์ว่าจุดอ่อนใดมีผลกระทบมากที่สุดต่อผลลัพธ์ทางการขาย
2. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
- SMART Goals ใช้หลักการ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) ในการตั้งเป้าหมาย เช่น “เพิ่มอัตราการปิดการขายจาก 20% เป็น 30% ภายใน 6 เดือน”
- เชื่อมโยงกับผลการประเมิน ทำให้เป้าหมายมีความเกี่ยวข้องกับข้อเสนอแนะแบบเฉพาะเจาะจงจากการประเมิน
3. พัฒนาแผนพัฒนา
- สร้างแผนพัฒนาส่วนบุคคล (IDP) ทำงานร่วมกับพนักงานเพื่อสร้างแผนที่มีเป้าหมายการพัฒนาและกิจกรรมที่ชัดเจน
- ระบุรูปแบบการพัฒนา รวมถึงการอบรม, เวิร์คช็อป, การให้คำปรึกษา หรือการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง
4. จัดสรรทรัพยากรและการสนับสนุน
- กำหนดทรัพยากรที่จำเป็น เช่น งบประมาณ เวลา หรือวัสดุการเรียนรู้
- สร้างเครือข่ายการสนับสนุน สนับสนุนให้พนักงานมีผู้ช่วยหรือเพื่อนร่วมงานที่สามารถให้คำแนะนำและแลกเปลี่ยนความรู้
5. ติดตามความก้าวหน้า
- กำหนดการตรวจสอบผล นัดหมายการประชุมเพื่อประเมินความก้าวหน้าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น ทุก 1-2 เดือน
- ปรับเปลี่ยนแผนตามความจำเป็น หากพนักงานไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้ อาจต้องปรับแผนหรือตั้งเป้าหมายใหม่ที่เหมาะสมกว่า
6. สร้างบรรยากาศการเรียนรู้
- สนับสนุนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้จากประสบการณ์และยอมรับข้อผิดพลาด
- สร้างวัฒนธรรมที่ให้คุณค่าแก่การพัฒนา ทำให้การพัฒนาทักษะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร
การตั้งเป้าหมายและแผนพัฒนาฝ่ายขายกับการประเมิน360
ผลจากการประเมิน 360 องศาครั้งต่อไปแสดงให้เห็นว่าพนักงานขายมีความสามารถในการทำงานร่วมกับทีมดีขึ้น และสามารถจัดการเวลาตอบสนองลูกค้าได้เร็วขึ้น
การประเมินผลจากการประเมิน 360 องศา
การประเมิน 360 องศาจะให้ฟีดแบ็คจากหลายแหล่ง เช่น ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และการประเมินตนเอง ทำให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและสามารถมองเห็นจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาของพนักงานขายในหลากหลายด้าน
ตัวอย่าง:
จากผลการประเมิน 360 องศา พบว่า พนักงานขายมีทักษะการเจรจาต่อรองที่ดี (จุดแข็ง) แต่ยังมีข้อบกพร่องในการทำงานร่วมกับทีม (จุดที่ต้องพัฒนา) และการจัดการเวลาในการตอบสนองลูกค้า
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้
เมื่อได้รับฟีดแบ็คจากการประเมิน 360 องศาแล้ว การตั้งเป้าหมายพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ จะช่วยให้พนักงานขายมุ่งมั่นไปในทิศทางที่เหมาะสม เป้าหมายที่ตั้งควรเป็น SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) เพื่อให้สามารถติดตามความคืบหน้าและประเมินผลได้
ตัวอย่าง:
Specific: ปรับปรุงทักษะการทำงานร่วมกับทีม
Measurable: มีการประชุมทีมทุกสัปดาห์และให้การสนับสนุนการทำงานร่วมกัน
Achievable: เข้าร่วมการอบรมหรือเวิร์กช็อปการทำงานเป็นทีม
Relevant: ความสำคัญของการทำงานร่วมกับทีมในการเพิ่มประสิทธิภาพการขาย
Time-bound: ต้องสามารถแสดงผลการพัฒนาในช่วง 3 เดือน
การสร้างแผนพัฒนา
แผนพัฒนาควรระบุขั้นตอนที่ชัดเจนในการพัฒนาแต่ละทักษะที่จำเป็น โดยแผนพัฒนาจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งขึ้น และควรมีแผนการดำเนินการที่สามารถติดตามและประเมินได้ รวมถึงกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการบรรลุเป้าหมาย
ตัวอย่าง:
ปรับปรุงการทำงานร่วมกับทีม:
เข้าร่วมการฝึกอบรมเรื่องการทำงานเป็นทีมในช่วงเดือนหน้า
รับคำแนะนำจากเพื่อนร่วมงานที่มีทักษะการทำงานร่วมกับทีมดีอยู่แล้ว
ติดตามผลการทำงานร่วมกับทีมในการประชุมทุกสัปดาห์
พัฒนาการจัดการเวลาและการตอบสนองลูกค้า:
ใช้เครื่องมือจัดการเวลา (เช่น แอพพลิเคชันการจัดการตารางงาน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองลูกค้า
ตั้งเป้าหมายในการตอบกลับอีเมลหรือติดต่อกับลูกค้าให้เร็วขึ้นในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ติดตามผลโดยการให้ฟีดแบ็คจากลูกค้าเกี่ยวกับการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การติดตามและประเมินผลความคืบหน้า
การติดตามความคืบหน้าของแผนพัฒนาคือการตรวจสอบว่าพนักงานขายได้ทำตามแผนที่ตั้งไว้หรือไม่ และประเมินผลการพัฒนาทักษะต่างๆ ในช่วงเวลาที่กำหนด การติดตามนี้จะช่วยให้สามารถปรับปรุงแผนหรือเปลี่ยนแปลงการพัฒนาให้ตรงกับสถานการณ์และความต้องการของพนักงาน
ตัวอย่าง:
หลังจาก 3 เดือนของการฝึกอบรมการทำงานร่วมกับทีมและการจัดการเวลา: มีการประชุมทีมอย่างต่อเนื่องและเห็นผลการทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น
ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายและแผนพัฒนาในฝ่ายขาย
ตัวอย่างที่ 1: พนักงานขายที่มีจุดแข็งในการเจรจา แต่ขาดทักษะการทำงานเป็นทีม
- ข้อมูลจากการประเมิน 360 องศา:
พนักงานมีทักษะการเจรจาต่อรองที่ดีและสามารถปิดการขายได้ดี แต่มีปัญหากับการทำงานร่วมกับทีมและการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน - เป้าหมาย:
ปรับปรุงทักษะการทำงานร่วมกับทีม โดยเฉพาะในด้านการสื่อสารและการสนับสนุนเพื่อนร่วมงาน - แผนพัฒนา:
- เข้าร่วมการอบรมในเรื่องการทำงานเป็นทีมภายในเดือนหน้า
- เรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานที่มีทักษะการทำงานเป็นทีมดี
- ตั้งเป้าหมายให้มีการสื่อสารที่เปิดเผยและให้การสนับสนุนเพื่อนร่วมงานในการทำงานทุกๆ โครงการ
- วิธีการติดตามผล:
มีการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับทีมในแต่ละโครงการ และขอฟีดแบ็คจากเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาในสิ้นทุกไตรมาส
ตัวอย่างที่ 2: พนักงานขายที่มีทักษะการปิดการขายสูง แต่การบริการลูกค้าหลังการขายยังขาด
- ข้อมูลจากการประเมิน 360 องศา:
พนักงานขายมีทักษะในการปิดการขายที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่ค่อยมีการติดตามผลหลังการขาย หรือให้บริการลูกค้าหลังการขายในระดับที่ดีพอ - เป้าหมาย:
พัฒนาทักษะการบริการลูกค้าหลังการขาย เพื่อเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า - แผนพัฒนา:
- จัดทำแผนติดตามผลการขายหลังการปิดการขาย
- ติดตามลูกค้าอย่างน้อย 1 เดือนหลังจากการปิดการขายเพื่อตรวจสอบความพึงพอใจ
- เข้าร่วมการฝึกอบรมเกี่ยวกับการบริการลูกค้าหลังการขายภายในไตรมาสถัดไป
- วิธีการติดตามผล:
- ติดตามการสื่อสารกับลูกค้าและความพึงพอใจผ่านการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า
- วิเคราะห์ผลลัพธ์จากการติดตามลูกค้าเพื่อประเมินว่ามีผลต่อยอดขายและการรักษาฐานลูกค้าอย่างไร
การตั้งเป้าหมายและแผนพัฒนาในฝ่ายขายที่เชื่อมโยงกับการประเมิน 360 องศานั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการพัฒนาศักยภาพของพนักงานขาย การใช้ผลการประเมิน 360 องศามาเป็นข้อมูลเพื่อพัฒนาแผนพัฒนาที่ชัดเจนและเหมาะสม จะช่วยให้พนักงานสามารถปรับปรุงทักษะในจุดที่ยังขาดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยกระบวนการนี้จะช่วยทั้งพนักงานและองค์กรในการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
สนใจทดลองใช้งานโปรแกรมประเมินออนไลน์ EsteeMATE ติดต่อได้ที่นี่