โครงสร้างงาน HR สำหรับองค์กรยุค Remote Work

โครงสร้างงาน HR (Human Resources) สำหรับองค์กรในยุค Remote Work ควรมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ทำงานจากที่บ้านหรือจากสถานที่ที่ไม่ใช่สำนักงานหลัก เนื่องจากลักษณะงานที่เปลี่ยนแปลงไปและการเชื่อมต่อที่เป็นดิจิทัล โครงสร้างงาน HR จึงต้องรองรับความยืดหยุ่นและการทำงานที่กระจายอยู่ทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. ฝ่ายการสรรหาพนักงาน (Recruitment)

ในยุค Remote Work การสรรหาพนักงานจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการให้เหมาะสมกับการทำงานจากที่บ้าน:

  • การใช้เครื่องมือดิจิทัล: ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อสรรหาผู้สมัคร เช่น LinkedIn, JobStreet, หรือแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับการหาคนที่ทำงานระยะไกล (Remote Job Boards)
  • สัมภาษณ์ทางออนไลน์: แทนที่การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว การสัมภาษณ์ผ่านเครื่องมือดิจิทัลเช่น Zoom, Google Meet หรือ Microsoft Teams
  • การทดสอบทักษะออนไลน์: การทดสอบความสามารถของผู้สมัครสามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มที่จัดเตรียมไว้ เช่น HackerRank สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือ Codility เป็นต้น

ตัวอย่าง: บริษัทที่มุ่งเน้นการทำงานแบบ Remote ใช้ระบบ ATS (Applicant Tracking System) เพื่อติดตามและคัดกรองผู้สมัครที่เหมาะสมจากทั่วโลก ผ่านการสัมภาษณ์ออนไลน์และการทดสอบทักษะจากระยะไกล

2. ฝ่ายพัฒนาและฝึกอบรม (Learning & Development)

การฝึกอบรมพนักงานในยุค Remote Work ต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถทำได้ออนไลน์:

  • การฝึกอบรมออนไลน์: ใช้แพลตฟอร์มการเรียนรู้ เช่น Udemy, Coursera, หรือ Moodle เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าถึงเนื้อหาการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
  • การพัฒนาอาชีพ (Career Development): เน้นการสร้างเส้นทางการพัฒนาอาชีพให้กับพนักงานระยะไกลโดยการจัดสัมมนาผ่านเว็บ, คอร์สพัฒนาทักษะออนไลน์ และการสอนที่ยืดหยุ่น
  • การฝึกอบรมทีมระยะไกล: พัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมที่เน้นการทำงานร่วมกันระยะไกล เช่น การใช้เครื่องมือ Collaboration (เช่น Slack, Microsoft Teams)

ตัวอย่าง: บริษัทเทคโนโลยีที่มีพนักงานกระจายตัวทั่วโลกใช้แพลตฟอร์ม Learning Management System (LMS) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แบบออนไลน์ให้กับพนักงานทุกคนในทีม

3. ฝ่ายการจัดการประสิทธิภาพการทำงาน (Performance Management)

การประเมินผลในยุค Remote Work จำเป็นต้องใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อให้สามารถติดตามและประเมินผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • เครื่องมือการติดตามการทำงาน: ใช้เครื่องมือ เช่น Asana, Jira, หรือ Trello ในการติดตามโครงการและงานที่ทำระยะไกล
  • การตั้งเป้าหมายและประเมินผล (OKRs, KPIs): เน้นการตั้งเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องพึ่งการประเมินผลจากการมองเห็นกิจกรรมในออฟฟิศ
  • การประชุมทางออนไลน์: ใช้เครื่องมือออนไลน์ในการประชุมกับทีม เช่น Zoom, Microsoft Teams เพื่อประเมินการทำงานและความคืบหน้า

ตัวอย่าง: บริษัทที่มีการทำงานจากระยะไกลใช้การตั้ง OKRs ที่ชัดเจนและจัดประชุมประเมินผลทุกไตรมาสผ่านระบบออนไลน์

4. ฝ่ายสวัสดิการและความเป็นอยู่ของพนักงาน (Employee Welfare)

แม้จะทำงานจากที่บ้าน ฝ่ายสวัสดิการก็ยังมีบทบาทสำคัญในการดูแลพนักงาน:

  • สวัสดิการด้านสุขภาพจิต (Mental Health Support): จัดโปรแกรมสนับสนุนสุขภาพจิตผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่นการให้คำปรึกษาผ่าน Zoom หรือแอปที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต
  • การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในทีม: ใช้เครื่องมือออนไลน์ในการจัดกิจกรรมที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกเชื่อมโยงกัน เช่น การประชุมสังสรรค์ออนไลน์ หรือการทำกิจกรรมกลุ่มออนไลน์
  • การดูแลการทำงานจากบ้าน (Remote Work Setup): มอบสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจากที่บ้าน เช่น ค่าชดเชยการใช้ไฟฟ้า, ค่าบริการอินเทอร์เน็ต, หรืออุปกรณ์ทำงาน

ตัวอย่าง: บริษัทหนึ่งมอบแพ็กเกจสุขภาพจิตออนไลน์และจัดกิจกรรมทำให้พนักงานสามารถเชื่อมต่อและสนุกสนานผ่านแพลตฟอร์มเสมือน

5. ฝ่ายการสื่อสารภายในองค์กร (Internal Communication)

การสื่อสารในองค์กรที่ทำงานจากระยะไกลต้องเน้นการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม:

  • การใช้เครื่องมือสื่อสาร: ใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์ เช่น Slack, Microsoft Teams, หรือ Zoom เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • การส่งข้อมูลและประกาศสำคัญ: การใช้แพลตฟอร์มข่าวสารภายในองค์กรเพื่อเผยแพร่ข้อมูลสำคัญ เช่น Google Workspace หรือ Confluence
  • การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างทีม: จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานผ่านการสื่อสารออนไลน์

ตัวอย่าง: การใช้ Slack และ Microsoft Teams ในการจัดการข้อมูลและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานในทีมที่กระจายตัวทั่วโลก

6. ฝ่ายความหลากหลายและการยอมรับ (Diversity & Inclusion)

ในยุค Remote Work การเสริมสร้างความหลากหลายและการยอมรับมีความสำคัญมากขึ้น:

  • การสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่หลากหลาย: การส่งเสริมให้ทุกคนรู้สึกยอมรับในทีมงานระยะไกล โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือความแตกต่างทางวัฒนธรรม
  • การฝึกอบรมด้านความหลากหลาย: การจัดโปรแกรมอบรมที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย เช่นการเรียนรู้วัฒนธรรมของทีมจากหลากหลายประเทศ
  • การสนับสนุนการทำงานในช่วงเวลาที่ยืดหยุ่น: เน้นการสนับสนุนเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในโซนเวลาใด

ตัวอย่าง: บริษัทข้ามชาติที่มีพนักงานทั่วโลกจัดโปรแกรมฝึกอบรมด้านความหลากหลายและส่งเสริมการทำงานที่ยืดหยุ่นตามโซนเวลา

สรุป

โครงสร้างงาน HR สำหรับองค์กรยุค Remote Work จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นสูง โดยเน้นการใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อเชื่อมต่อกับพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในการสรรหา พัฒนา และประเมินผลการทำงาน รวมถึงการดูแลสวัสดิการและสร้างความสัมพันธ์ในทีมผ่านเครื่องมือออนไลน์ การทำงานแบบ Remote จำเป็นต้องสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน การสนับสนุนสุขภาพจิต และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานให้มั่นคงเพื่อให้การทำงานจากระยะไกลมีประสิทธิผลสูงสุด

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน HR

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ทาง HR

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *