Tag: ฟีเจอร์Gethr

การบริหารจัดการพนักงานรุ่นใหม่ (Millennials & Gen Z) ในองค์กร

การบริหารจัดการพนักงานรุ่นใหม่ เช่น Millennials และ Gen Z ในองค์กรนั้นต้องใช้วิธีการที่มีความเข้าใจในลักษณะนิสัย, ความคาดหวัง, และวิธีการทำงานที่แตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงทางสังคมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับตัวในหลายด้าน เช่น การสื่อสาร, วิธีการฝึกอบรม, การให้ผลตอบแทน, และการสร้างบรรยากาศในการทำงานที่เหมาะสมกับความต้องการของพนักงานในกลุ่มนี้ 1. ลักษณะเฉพาะของพนักงานรุ่นใหม่ (Millennials & Gen Z) Millennials (Gen Y) Millennials หรือ Gen Y คือผู้ที่เกิดในช่วงปี 1981-1996 มักจะเป็นกลุ่มที่เติบโตในยุคของเทคโนโลยีเริ่มต้นเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เช่น อินเทอร์เน็ตและมือถือสมาร์ทโฟน ลักษณะเด่นของพวกเขาคือ: Gen Z Gen Z

Read More

การวางแผนกลยุทธ์ทรัพยากรบุคคลในองค์กร

การวางแผนกลยุทธ์ทรัพยากรบุคคล (Human Resource Strategic Planning) คือกระบวนการที่องค์กรใช้ในการคาดการณ์และเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (พนักงาน) ให้มีความเหมาะสมกับทิศทางและเป้าหมายขององค์กรในระยะยาว โดยไม่เพียงแค่ตอบสนองความต้องการของธุรกิจในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังต้องเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตในเรื่องต่าง ๆ เช่น ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน และความต้องการที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ขั้นตอนในการวางแผนกลยุทธ์ทรัพยากรบุคคล 1. การวิเคราะห์และประเมินความต้องการในอนาคต (Forecasting Needs) การวิเคราะห์ความต้องการทรัพยากรบุคคลในอนาคตเป็นกระบวนการสำคัญในการวางแผน ซึ่งต้องพิจารณาไม่เพียงแต่จำนวนพนักงานที่ต้องการในแต่ละตำแหน่ง แต่ยังต้องพิจารณาความสามารถและทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานขององค์กรในอนาคต 2. การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีและตลาด เทคโนโลยีมีผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานขององค์กร ดังนั้น การเตรียมทรัพยากรบุคคลให้สามารถปรับตัวและใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ การวางแผนควรพิจารณา: 3. การสร้างและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร (Organizational Culture) วัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์ทรัพยากรบุคคล เพราะวัฒนธรรมที่ดีจะช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงาน ส่งผลให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวางแผนทรัพยากรบุคคลในด้านนี้จะรวมถึง: 4.

Read More

การพัฒนาทักษะผู้นำในองค์กร HR กับการเตรียมผู้นำรุ่นใหม่

การพัฒนาทักษะผู้นำในองค์กร เป็นกระบวนการสำคัญในการเตรียมผู้นำรุ่นใหม่ให้พร้อมสำหรับบทบาทและความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ที่มีบทบาทในการจัดการและพัฒนาคนในองค์กร ดังนั้น การพัฒนาทักษะผู้นำในองค์กรจึงต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและมีการวางแผนที่ดีเพื่อให้ผู้นำรุ่นใหม่สามารถนำพาองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1. ความสำคัญของการพัฒนาทักษะผู้นำในองค์กร การพัฒนาทักษะผู้นำมีผลกระทบโดยตรงต่อผลลัพธ์ขององค์กร ในหลายๆ ด้าน เช่น การสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี, การตัดสินใจที่มีคุณภาพ, การเสริมสร้างการทำงานร่วมกันในทีม, และการสร้างความมั่นใจให้กับพนักงาน การมีผู้นำที่มีทักษะและความสามารถจะช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวได้ดีในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 2. บทบาทของฝ่าย HR ในการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) มีบทบาทสำคัญในการเตรียมผู้นำรุ่นใหม่ในหลายๆ ด้าน ดังนี้ 2.1 การสรรหาผู้นำที่มีศักยภาพ การค้นหาผู้นำที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นสิ่งสำคัญ HR ต้องมีการพัฒนากระบวนการสรรหาที่สามารถคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เช่น ความสามารถในการสื่อสาร, การคิดเชิงกลยุทธ์, และการจัดการทีม 2.2 การฝึกอบรมและพัฒนา การพัฒนาทักษะผู้นำในองค์กรต้องมีการฝึกอบรมที่ต่อเนื่อง เช่น

Read More

การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HR Tech)

การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HR Tech) หมายถึงการนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources) มาใช้ในการดำเนินงานที่มีความสำคัญในองค์กร เช่น การสรรหาบุคลากร การฝึกอบรมและพัฒนา การประเมินผลการทำงาน และการดูแลสวัสดิการของพนักงาน โดย HR Tech ช่วยให้กระบวนการเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดข้อผิดพลาด และสามารถจัดการข้อมูลได้ดีขึ้น การใช้ HR Tech มีหลายด้านหลักที่สำคัญดังนี้ 1. การสรรหาบุคลากร (Recruitment) 2. การฝึกอบรมและพัฒนา (Learning & Development) 3. การประเมินผลการทำงาน (Performance Management) 4. การจัดการสวัสดิการและการจ่ายเงินเดือน (Payroll & Benefits Management)

Read More

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและส่งเสริมความสุขของพนักงาน

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและส่งเสริมความสุขของพนักงาน เป็นกระบวนการที่ต้องการความเข้าใจและการลงทุนในหลายมิติ โดยไม่เพียงแต่เน้นที่การทำให้พนักงานมีความสุขในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและสร้างการพัฒนาที่ต่อเนื่องในองค์กร เพื่อให้พนักงานรู้สึกผูกพันและมีส่วนร่วมในการเติบโตไปกับองค์กรได้อย่างแท้จริง เราจะขยายความในแต่ละส่วนที่สำคัญในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งมากขึ้น ดังนี้ 1. ค่านิยมและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน 2. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ 3. การมีส่วนร่วมของพนักงาน 4. การพัฒนาและเติบโต 5. การยอมรับและให้รางวัล 6. สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี 7. ความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว เคล็ดลับ: มีนโยบายที่ยืดหยุ่น เช่น เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น การทำงานจากที่บ้าน และการลาพักร้อนที่เหมาะสม ความสำคัญ: ความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวช่วยให้พนักงานมีความสุขและมีประสิทธิภาพในการทำงาน ตัวอย่าง:* Basecamp: บริษัทที่ให้พนักงานทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในช่วงฤดูร้อน Netflix: ให้พนักงานลาพักร้อนได้ไม่จำกัด แนวทางการส่งเสริมความสุขของพนักงาน ตัวอย่างกิจกรรมที่สามารถนำมาปรับใช้ สรุป การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและส่งเสริมความสุขของพนักงาน

Read More

การพัฒนา Soft Skills ในยุค HR 5.0: การเตรียมพนักงานให้พร้อมสำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลง

การพัฒนา Soft Skills ในยุค HR 5.0 มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้การพัฒนาทักษะเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพนักงานที่ต้องการเติบโตในอาชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวและก้าวทันกับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน แนวทางการพัฒนา Soft Skills ในยุค HR 5.0 การนำ HR 5.0 มาใช้ในองค์กร ทักษะที่พนักงานในยุค HR 5.0 ควรพัฒนา สรุป การพัฒนา Soft Skills ในยุค HR 5.0 เป็นกระบวนการที่สำคัญทั้งสำหรับพนักงานและองค์กร เนื่องจากช่วยให้พนักงานสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัว และก้าวไปข้างหน้าในโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง และความท้าทายอย่างรวดเร็ว. บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน HR บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ทาง

Read More

HR 5.0 และการปรับตัวในการจัดการความหลากหลายและการรวมกลุ่ม (Diversity & Inclusion)

แนวคิด HR 5.0 มาจากการพัฒนาของการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคมในยุคปัจจุบัน แนวคิดนี้ขยายจาก HR 4.0 ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และข้อมูลในการบริหารบุคคล แต่ HR 5.0 นั้นจะรวมเอาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความทันสมัยมากขึ้น ผสมผสานกับหลักการที่เน้น การพัฒนาคน เพื่อให้สามารถปรับตัวกับความต้องการของธุรกิจในยุคดิจิทัล การทำงานที่ยืดหยุ่น และความหลากหลายที่มีบทบาทสำคัญ HR 5.0 ไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยีหรือเครื่องมือดิจิทัลที่ใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคลเท่านั้น แต่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี โดยการใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกันของคนที่มีความหลากหลาย และสามารถรวมกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับตัวในการจัดการความหลากหลายและการรวมกลุ่ม (Diversity & Inclusion) การจัดการความหลากหลาย และการรวมกลุ่ม (Diversity & Inclusion: D&I) มีความสำคัญอย่างยิ่งใน HR 5.0 เนื่องจาก ความหลากหลาย และ

Read More

การพัฒนา Employee Experience ในยุคดิจิทัล การสร้างประสบการณ์การทำงานที่ดีที่สุดสำหรับพนักงานในองค์กร

การพัฒนา Employee Experience (EX) หรือ ประสบการณ์ของพนักงาน ในยุคดิจิทัลเป็นกระบวนการที่องค์กรต้องใส่ใจในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี เพื่อให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่า มีส่วนร่วม และมีความสุขในการทำงาน ซึ่งกระบวนการนี้ไม่ได้จำกัดแค่เพียงการพัฒนาในด้านสวัสดิการหรือเงินเดือนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการสร้างประสบการณ์ในทุก ๆ ขั้นตอนตั้งแต่การเข้าร่วมองค์กร (Onboarding) ไปจนถึงการออกจากองค์กร (Offboarding) โดยในยุคดิจิทัล การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนา EX กลายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการทำงาน รวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานในทุกระดับ 1. การพัฒนา Employee Experience ในยุคดิจิทัล การพัฒนา EX ในยุคดิจิทัลต้องคำนึงถึงหลายมิติที่มีผลต่อประสบการณ์ของพนักงาน ดังนี้ 1.1 การสื่อสารและการเชื่อมต่อที่ดี 1.2 การสร้างประสบการณ์ที่เหมาะสมกับพนักงานทุกคน 1.3 การใช้ข้อมูลและ AI ในการปรับปรุง EX

Read More

การจัดการผลการปฏิบัติงาน วิธีการประเมินและพัฒนาความสามารถของพนักงาน

การจัดการผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) เป็นกระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของพนักงานภายในองค์กร เพื่อให้องค์กรบรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ โดยกระบวนการนี้จะเกี่ยวข้องกับการวางแผน การประเมินผล การให้ข้อเสนอแนะ และการพัฒนาความสามารถของพนักงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาองค์กรให้เติบโตและแข่งขันได้ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การจัดการผลการปฏิบัติงานที่ดีจะช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจในการทำงาน และสามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการและแนวโน้มใหม่ ๆ ขององค์กรได้ดีขึ้น 1. การตั้งเป้าหมาย (Goal Setting) การตั้งเป้าหมายเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการจัดการผลการปฏิบัติงาน ซึ่งเป้าหมายควรจะต้อง: การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้พนักงานเข้าใจว่าเขาควรจะทำอะไรและทำให้เกิดการติดตามผลอย่างมีประสิทธิภาพ 2. การประเมินผลการทำงาน (Performance Appraisal) การประเมินผลการทำงานเป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้รับการบรรลุหรือไม่ และในระดับใด โดยวิธีการประเมินมีหลายแบบ เช่น: การประเมินผลการทำงานจะช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจถึงความสามารถของพนักงานแต่ละคน และสามารถทำการพัฒนาให้ตรงกับจุดอ่อนหรือจุดแข็งของพนักงานได้ 3. การให้ข้อเสนอแนะ (Feedback) การให้ข้อเสนอแนะเป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาผลการปฏิบัติงานของพนักงาน ข้อเสนอแนะที่ดีจะช่วยให้พนักงานรู้ว่าพวกเขาทำได้ดีในด้านใดและในด้านใดที่ต้องการการปรับปรุง 4. การพัฒนาและฝึกอบรม (Training &

Read More

การให้ข้อเสนอแนะ ความสำคัญและวิธีการทำให้การให้ข้อเสนอแนะมีประสิทธิภาพ

การให้ข้อเสนอแนะ (Feedback) เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญมากในการพัฒนาคนในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือการพัฒนาตัวเอง การให้ข้อเสนอแนะที่ดีสามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้รับมีความเข้าใจและมีแนวทางในการปรับปรุงสิ่งที่ต้องการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อเสนอแนะที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดความเครียด ความสับสน หรือแม้แต่การหลีกเลี่ยงการปรับปรุงตัวเองได้ ดังนั้นการให้ข้อเสนอแนะที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความระมัดระวัง และการตั้งใจในการดำเนินการอย่างสูง 1. การให้ข้อเสนอแนะที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง ข้อเสนอแนะที่ดีจะต้องเป็นการบอกกล่าวถึงสิ่งที่สามารถปรับปรุงได้อย่างชัดเจนและเจาะจง โดยไม่ใช่การบอกแค่ “คุณทำผิด” หรือ “คุณต้องทำให้ดีกว่านี้” เพราะมันจะไม่สามารถให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ในการพัฒนาได้ ข้อเสนอแนะที่ชัดเจนจะช่วยให้ผู้รับเข้าใจว่าควรปรับปรุงตรงไหน หรือสิ่งใดที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น การให้ข้อเสนอแนะที่เจาะจงจะทำให้ผู้รับรู้ว่าเขาต้องปรับปรุงที่จุดไหนและจะช่วยให้เขาทำการปรับปรุงได้ง่ายขึ้น 2. ใช้วิธีการ “แซนด์วิช” การใช้เทคนิค “แซนด์วิช” คือการเริ่มด้วยการชื่นชมในสิ่งที่ทำได้ดี เพื่อให้ผู้รับรู้สึกได้รับการยอมรับและกระตือรือร้นในการรับฟังข้อเสนอแนะ จากนั้นจึงให้ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ และสุดท้ายจบด้วยการให้กำลังใจและการกระตุ้นให้พัฒนา ข้อดีของเทคนิคนี้คือการทำให้ผู้รับไม่รู้สึกถูกโจมตีหรือลดทอนคุณค่าและยังช่วยให้เขามีกำลังใจที่จะปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น: เทคนิคนี้จะช่วยให้ข้อเสนอแนะไม่ทำให้ผู้รับรู้สึกโดดเดี่ยวหรือลดความมั่นใจในตัวเอง 3. การให้ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์และมีทางเลือก ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์และมีทางเลือกจะช่วยให้ผู้รับรู้สึกว่าเขามีหลายทางเลือกในการปรับปรุงตนเองและไม่รู้สึกจำกัดในทางเดียว

Read More